Skip Global Navigation to Main Content
Skip Breadcrumb Navigation

#021/08 วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2551

การฝึกอบรมทางทหารระหว่างไทยและสหรัฐฯ เริ่มต้นอีกครั้ง
นาวาอากาศโทของไทยได้ทุนไปฝึกอบรมในสหรัฐฯ เป็นคนแรก

กรุงเทพฯ วันที่ 1 เมษายน 2551—ในวันนี้ นายเอริค จี.จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยได้ทำพิธีมอบวีซ่า จดหมายเชิญและตั๋วเครื่องบินแก่นาวาอากาศโทจุมพล จันทะขัมมา เพื่อเดินทางไปสหรัฐฯ  โดยนาวาอากาศโทจุมพลเป็นนายทหารของไทยคนแรกที่จะเข้ารับการฝึกอบรมตามโครงการศึกษาและฝึกอบรมทางการทหารระหว่างประเทศ (IMET) ของสหรัฐฯ หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศยกเลิกการระงับความช่วยเหลือแก่ไทยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นาวาอากาศโทจุมพลจะออกเดินทางในวันที่ 2 เมษายนเพื่อไปรับการอบรมภาษาอังกฤษที่ฐานทัพอากาศแล็คแลนด์ (Lackland Air Force Base) เมืองอันโตนิโอ รัฐเท็กซัส ก่อนที่จะไปเข้ารับการอบรมที่ Air Command and Staff College ที่ฐานทัพอากาศ Maxwell Gunter เมืองมอนต์โกเมอรี รัฐแอละแบมา

เอกอัครราชทูตจอห์นกล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีกับนาวาอากาศโทจุมพลในฐานะที่เป็นนายทหารท่านแรกที่จะได้เดินทางไปฝึกอบรมในสหรัฐฯ อีกครั้งตามโครงการ IMET สัมพันธภาพทางทหารระหว่างประเทศของเราเป็นหนึ่งในสัมพันธภาพที่เก่าแก่และสำคัญที่สุด” หลังจากเอกอัครราชทูตจอห์นได้มอบวีซ่า จดหมายเชิญและตั๋วเครื่องบินแก่นาวาอากาศโทจุมพลแล้ว เอกอัครราชทูตจอห์นได้จับมือแสดงความยินดีกับนาวาอากาศโทจุมพลและเชิญนาวาอากาศโทจุมพลให้มาพบอีกครั้งหลังกลับจากสหรัฐฯ

โครงการ IMET เป็นหนึ่งในโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างไทยและสหรัฐฯ ที่ดำเนินมาเป็นเวลานานที่สุดโครงการหนึ่ง โดยเริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2494 คณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย (JUSMAGTHAI) เป็นองค์กรของสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคงในประเทศไทย (U.S. Security Assistance Organization –SAO) และรับผิดชอบการฝึกระดับทวิภาคีและพหุภาคีทั้งหมดของสหรัฐฯ ที่จัดขึ้นในไทย JUSMAGTHAI ต่างจาก SAO อื่นๆ ตรงที่มีภาระหน้าที่หลักหรือให้การสนับสนุนโดยตรงสำหรับภารกิจหลายๆ อย่าง รวมทั้งการโครงการฝึกอบรมแบบร่วมผสมทวิภาคี (หรือ Joint Combined Bilateral Exercise Program ที่มีประมาณ 40 ครั้งในแต่ละปี) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ใหญ่ที่สุดของ IMET รวมทั้งภารกิจเกี่ยวกับการกำจัดทุ่นระเบิดและปราบปรามยาเสพติด

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คอนโดลีซซ่า ไรซ์ ได้รับรองกับสภาคองเกรสว่าประเทศไทยมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว และในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เกี่ยวกับการยกเลิกการระงับความช่วยเหลือสำหรับไทย เอกอัครราชทูตจอห์นกล่าวว่า “ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสหรัฐฯ กับไทยเป็นความสัมพันธ์ที่เอื้อประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย และผมใคร่เน้นว่าสหรัฐฯ มองเห็นคุณค่าของความร่วมมือที่รัฐบาลและเหล่าทัพไทยมอบแก่กองทัพสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก” เอกอัครราชทูตจอห์นเสริมว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในมิตรประเทศและหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐฯ ในเอเชีย สหรัฐฯมีสัมพันธภาพกับประเทศไทยนานกว่าประเทศใดในเอเชีย  ด้วยเหตุนี้ เราจึงรู้สึกยินดีเป็นพิเศษที่จะได้ฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้กลับสู่ระดับปกติอีกครั้ง โดยเฉพาะในโอกาสที่เราจะฉลองครบรอบ 175 ปีแห่งความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ – ไทยในปีนี้