ความไม่สงบในภาคใต้ของประเทศไทย ดำเนินมาเป็นเวลาราวๆ 5 ปีแล้ว และทางการตำรวจกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 3500 คน
การโจมตีของผู้ก่อความไม่สงบเท่าที่แล้วมา มุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่รัฐบาล ครู พระสงฆ์ และพลเรือน นอกจากจะมีการยิงจากรถแล้ว ยังมีการวางระเบิดข้างถนน การลักพาตัวและการสังหารอย่างโหดร้ายทารุณอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนกล่าวหากองทัพบกว่าปฏิบัติการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งวิสามัญฆาตกรรม และการหายตัวไปอย่างลึกลับของผู้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ฝักใฝ่ความรุนแรง นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า การที่รัฐบาลพึ่งพาอาศัยหน่วยกึ่งทหารทำให้เกิดปัญหามากขึ้น
แต่ดูเหมือนว่าในปีที่แล้ว การปรับกลยุทธใหม่และการเพิ่มจำนวนทหาร ช่วยลดการทำร้ายพลเรือนลงไปได้ กระนั้น คุณสุนัย ผาสุก เจ้าหน้าที่ขององค์การ Human Rights Watch กล่าวว่า ความก้าวหน้าที่ได้มา อาจไม่ยั่งยืน
เจ้าหน้าที่องค์การพิทักษ์สิทธิมนุษยชนผู้นี้กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่จะรับประกันว่า ความสำเร็จในระยะสั้น จะแปรเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืนได้เลย เพราะชาวบ้านที่เป็นมุสลิมยังคงแปลกแยกโดดเดี่ยวจากทางการเจ้าหน้าที่ ความหวั่นเกรง ความไม่ไว้วางใจยังคงมีอยู่ทั่วไป ชาวบ้านไม่เห็นว่าเจ้าหน้าที่เป็นมิตรของตน หากแต่เป็นศัตรูเสียมากกว่า ความรู้สึกเช่นนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง
แหล่งข่าวกรองยังบอกกับ VOA ด้วยว่า ดูเหมือนว่าฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งตลอดเวลามานี้ยังไม่ได้ดำเนินการเรียกร้องแต่อย่างใดอย่างชัดเจน กำลังเปลี่ยนแปลงกลยุทธของตนด้วย โดยหันมาใช้วิธีการวางระเบิดด้วยรถมากขึ้น ซึ่งคุณสุนัยให้ความเห็นว่าเป็นแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง
เจ้าหน้าที่ขององค์การ Human Rights Watch กล่าวว่า มีการประเมินกันว่า จะมีการใช้รถวางระเบิดมากขึ้นในปีใหม่นี้ จะเป็นการโจมตีที่มีเป้าหมายเฉพาะ และจะก่อความเสียหายอย่างมาก แนวโน้มนี้เริ่มมีออกมาให้เห็นในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว และเกรงว่าจะกลายมาเป็นกลยุทธถาวรในปีนี้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ในช่วงเกือบสามปีที่ผ่านมา ปัญหาทางการเมืองทำให้รัฐบาลไม่สามารถให้ความสนใจกับปัญหาในภาคใต้ได้อย่างเต็มที่ งานทางด้านนโยบายและการวางแผนปฏิบัติการ ที่เกี่ยวกับภาคใต้จึงตกอยู่ในมือทหารเป็นส่วนใหญ่ นักวิเคราะห์ไม่แน่ใจว่า นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งให้คำมั่นไว้ว่า จะปรับปรุงระบบการศาลในภาคใต้ และให้เจ้าหน้าที่พลเรือนเข้าไปมีบทบาทควบคุมในภาคใต้มากขึ้นนั้น จะสามารถทำงานได้ตามความมุ่งหมายหรือไม่